เทคโนโลยีใหม่เพื่อสมาร์ทโฟนเเห่งอนาคต

1.เทคโนโลยี Augmented Reality (AR)

รู้จักเทคโนโลยี AR

สำหรับคนที่ตั้งตารอคอยการมาของ iPhone 8 (ทั้งขนาดปกติและ Plus) รวมไปถึง iPhone X (iPhone Ten) ทั้งหลายก็คงทราบกันดีว่ามือถือ 3 รุ่นนี้ติดตั้งเทคโนโลยี AR ไว้ภายในเครื่อง ซึ่งสร้างความตื่นเต้นพอสมควร ว่าแต่ AR มันคืออะไรและทำไมถึงต้องตื่นเต้นกันนัก วันนี้เรามีคำตอบให้คุณ
gettyimages-846119014

AR (Augmented Reality) คืออะไร

สำหรับเทคโนโลยี AR ย่อมาจาก Augmented Reality เป็นเทคโนโลยีที่นำภาพเสมือน ที่เป็นรูปแบบ 3 มิติ จำลองเข้าสู่โลกจริงผ่านกล้องและการประมวลผลที่จะนำวัตถุมาทับซ้อนเข้าเป็นภาพเดียวกัน เราสามารถมองผ่านกล้องได้โดยตรงความจริงเทคโนโลยีนี้ไม่ใช่เพิ่งจะมี จริง ๆ มีการพัฒนามาตั้งแต่ปี 2010 แล้วและมีปรับปรุงรูปแบบพัฒนาความเสถียรอย่างต่อเนื่อง ซึ่งปัจจุบัน AR เริ่มเห็นได้ชัดจากงานหลายอย่าง แต่ที่ชัดเจนสุดคือเกม Pokemon Go นั่นเอง

ประโยชน์ของเทคโนโลยี AR

แน่นอนว่าการเกิดของเทคโนโลยีที่มีการเติบโตอย่างรวดเร็วเช่น AR ต้องมีประโยชน์ที่คุณควรรู้ เช่น
  • สามารถเป็นสื่อและข้อมูลที่ทำให้สามารถศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมเช่น สัตว์โลกดึกดำบรรพ์ ที่จำลองป่า รวมไปถึงสภาพแวดล้อมให้เราเห็นได้
  • ใช้ในเรื่องการจัดบ้านเพราะคุณจะได้เห็นตำแหน่งและการจัดบ้านจริง ๆ ก่อนที่จะซื้อของ
  • ใช้ในด้านงานศิลปะที่สามารถจำลองภาพต่าง ๆ ก่อนการจัดจริงว่าควรทำอย่างไรให้ดูสวย
  • ใช้สำหรับการเล่นเกม เช่น Pokemon Go ส่วนใหญ่จะใช้ในการค้นหาโปเกม่อนและการจับเพราะเราไม่รู้ว่ามันอยู่ไหนจนกว่าจะหันเจอ
เรียกได้ว่าเป็นอีกเทคโนโลยีที่มีประโยชน์อย่างมากและมีความหลากหลายที่หลายคนต้องรู้และควรปรับใช้กัน

แล้วผลดีสำหรับในการใส่บน iPhone 8 และ iPhone X

การใส่เทคโนโลยี AR ของ iPhone 8 และ iPhone X นั้นย่อมมีผลดีแน่นอน เพราะการทำงานของกล้อง ไม่ว่าจะเป็นกล้องคู่หรือไม่จะทำให้เวลาเล่นเกมนั้นมีความได้สนุก เพราะสามารถนำสถานที่ ๆ คุณต้องไปเป็นฉากภายในเกมได้อย่างง่ายนอกจากนี้ Apple ยังเปิดตัว ARKit ให้กับนักพัฒนานำไปต่อยอดสร้างเป็นเกมหรือ Application ทำให้หน้าเรานั้นเคลื่อนไหวได้แบบ Animationเห็นได้จากฟีเจอร์ Animoji ที่มีการนำเทคโนโลยีระบบจดจำใบหน้า และ Face Tracking หรือจับการเคลื่อนไหวของหน้าเรา มาแสดงผลในรูปแบบ 3D หรือสำหรับคนที่ใช้ Face ID ก็มีการนำระบบ AR มาใช้งาน แต่ว่าไม่ได้ออกมาเป็นภาพประกอบ ระบบจะจัดจำหน้าเราเป็นแบบ 3D นั่นเองเรียกได้ว่าเทคโนโลยี AR นั้นมีประโยชน์ และจะดีมากถ้ามือถือ ซึ่งเป็นสิ่งใกล้ตัวนั้นได้บรรจุลงไป แต่สุดท้ายแล้วคุณจะได้ใช้หรือไม่ ก็ขึ้นกับการใช้งานของคุณเองในชีวิตประจำวันท้ายที่สุดแล้ว เทคโนโลยี AR ก็เป็นเทคโนโลยีที่พลิกโลกระหว่างความจริงกับการจำลองให้เข้ารวมเป็นสิ่งเดียวผ่านการมองผ่านอุปกรณ์นั่นเอง
มาจาก  https://www.sanook.com/hitech/1434301/






2.หน้าจอเเสดงผลที่สามารถบิดงอได้

flex-display
วันนี้เรามีข่าวของสุดยอดนวัตกรรมใหม่จากทาง Samsung  มาให้ติดตามกันค่ะ นั้นก็คือเทคโนโลยีหน้าจอใหม่แบบ Flexible หรือหน้าจอที่สามารถยืดหยุ่นได้ โดยพร้อมจะนำเเสดงในงาน CES 2013 ที่จะจัดขึ้นในเดือนมกราคม 2013 นี้ นอกจากนี้เเล้วทาง Samsung ยังเผยอีกว่าหน้าจอเเบบ Flexible ที่จะนำมาโชว์นี้ 2 ขนาด ซึ่งขนาดเเรกคือหน้าจอขนาด 5.5 นิ้ว ที่สามารถโค้งงอได้เเละมีความละเอียดอยู่ที่ 1280 x 720 พิกเซล (267 ppi) ซึ่งเมื่อก่อนจะมีขนาดอยู่ที่ 4.5 นิ้ว ความละเอียด 800 x 480 พิกเซล (200 ppi) เท่านั้น ส่วนอีกขนาดคือ หน้าจอขนาดใหญ่ถึง 55 นิ้ว ซึ่งเตรียมไว้สำหรับการผลิตโทรทัศน์รุ่นใหม่ของ Samsung นั่นเอง ซึ่งรายระเอียดเเละตัวอย่างของหน้าจอของจริงคงต้องรอชมเเละติดตามกันต่อในงาน CES 2013 ต้นปี 2013 นี้ค่ะ ^^
มาจาก  https://www.it24hrs.com/2016/holoflex-smartphone-bend-3d-hologram/

3.ภาพฮอโลกราฟี  (Holograms)
ฮอโลกราฟี (อังกฤษholography) หมายถึง กระบวนการสร้างภาพฮอโลแกรม ซึ่งเป็นภาพ 3 มิติ แตกต่างจากการสร้างภาพเชิง 3 มิติ โดยฮอโลแกรมนั้นเป็นภาพที่บันทึกลงบนฟิล์ม หรือ แผ่นเคลือบด้วยสารสำหรับบันทึกแสง ซึ่งผ่านเทคนิคการบันทึกด้วยการใช้ แสงที่มีหน้าคลื่นสอดคล้องกัน (coherence) เช่น แสงเลเซอร์ และเมื่อถูกส่องสว่างอย่างเหมาะสม จะแสดงให้เห็นภาพที่มีลักษณะ 3 มิติ
ฮอโลกราฟี เป็นเทคนิคที่ช่วยให้แสงกระจายจากวัตถุที่จะบันทึก และได้ถูกสร้างขึ้นใหม่ต่อมา เพื่อให้ปรากฏเป็นวัตถุอยู่ในตำแหน่งเดิมเมื่อเทียบกับการบันทึก การเปลี่ยนแปลงรูปแบบตำแหน่งและทิศทางของการระบบการมองเห็น เปลี่ยนแปลงไปอย่างถูกต้องเหมือนกับถ้าวัตถุก็ยังคงเป็นปัจจุบันจึงทำให้ภาพที่บันทึก (โฮโลแกรม) ปรากฏเป็นสามมิติเทคนิคของฮอโลกราฟียังสามารถใช้ในการเก็บ ดึงและประมวลผลข้อมูลที่เกี่ยวกับแสง ในขณะที่ฮอโลกราฟีเป็นที่นิยมใช้เพื่อใช้แสดงภาพ 3 มิติแบบคงที่ แต่ก็ยังไม่สามารถสร้างฉากตามต้องการโดยการแสดงปริมาตรของ holographic ได้ถ้าจะกล่าวในคำพูดที่เป็นเชิงวิชาการมากขึ้น ก็อาจกล่าวได้ว่า ฮอโลแกรม ก็คือ บันทึกของรูปแบบการแทรกสอดของลำแสง ที่มีหน้าคลื่นสอดคล้องกัน จากคลื่น 2 ลำ

https://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%AE%E0%B8%AD%E0%B9%82%E0%B8%A5%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%9F%E0%B8%B5


4.เทคโนโลยี Dolby  Vision





ในปัจจุบันเทคโนโลยี HDR หรือ High Dynamic Range นั้นมีอยู่ด้วยกันหลายแบบ แต่ HDR แบบที่มีประสิทธิภาพและได้รับความนิยมกันแพร่หลายมากที่สุด นั่นคือ HDR10 กับ Dolby Vision ซึ่งเทคโนโลยีทั้ง 2 มีความแตกต่างกันเล็กน้อยคือ Dolby Vision จะรองรับหน้าจอที่มีความสว่างสูงกว่า และให้ความลึกของสีที่มากกว่า ดังนี้
- คุณภาพสูงสุดของ HDR10 จะรองรับค่าความสว่างสูงสุดที่ 4,000 nits, ความลึกของสีระดับ 10-bit สามารถแสดงสีสันภายใต้มาตรฐานขขอบเขตสีแบบ Rec.2020 ได้
- Dolby Vision รองรับค่าความสว่างสูงสุดที่ 10,000 nits, ความลึกของสีระดับ 12-bit สามารถแสดงสีสันภายใต้มาตรฐานขอบเขตสีแบบ Rec.2020 ได้
ล่าสุดเทคโนโลยี Dolby Vision ก็ได้ถูกนำเข้ามาสู่สมาร์ทโฟนเป็นครั้งแรกใน LG G6 สมาร์ทโฟนพรีเมียม ที่มาพร้อมหน้าจอ 5.7 นิ้ว ซึ่งแอลจี ประเทศไทยเพิ่งเปิดตัวคืนสังเวียนตลาดสมาร์ทโฟนพรีเมียมในไทยไปเมื่อเร็วๆ นี้ และยังเป็นสมาร์ทโฟนพรีเมียมแบรนด์เดียวในขณะนี้ที่นำเสนอเทคโนโลยี Dolby Vision และ HDR 10 โดยสามารถใช้งานโหมด Dolby Vision ได้ถึง 4 โหมดคือ โหมด Bright นำเสนอวีดีโอคุณภาพดีที่สุดในสภาพแวดล้อมที่สว่างขึ้น, โหมด Vivid เพิ่มความสว่างและสีเพื่อภาพที่คมชัดขึ้น, โหมด Cinematic ให้ภาพที่ใกล้เคียงโรงภาพยนตร์มากที่สุดและโหมด Standard รักษาสมดุลระหว่างการประหยัดพลังงานและคุณภาพวีดีโอ
อีกทั้งเฟิร์มแวร์ของลำโพง HomePod ที่มีข้อมูลสินค้าแอปเปิ้ลใหม่ๆ ล่าสุดได้มีการพบข้อมูลเกี่ยวกับ Apple TV รุ่นใหม่ที่นอกจากจะรองรับ 4K แล้วยังรองรับมาตรฐานการแสดงภาพแบบ HDR10 และ Dolby Vision อีกด้วย

มาจาก   http://www.brandage.com/article/3121/4K


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น